สุดยอดไวอาก้าเมือไทย ก็ปลาไหลเผือกนี่ละ
สู้ได้สุดใจ ชนิดที่เมียต้องร้องขอชีวิตกันเลย แต่..มันขมสุดๆ
1 ขีด 150 บาทรวมส่ง
ครึ่งโล 300 รวมส่ง
1 กิโล 500 รวมส่ง
โอนเงินก่อน ถ้าเก็บปลายทาง เพิ่ม 80 บาท ทุกรายการ
มีการศึกษาผลของการรับประทานสารสกัดรากปลาไหลเผือกต่อสมรรถภาพทางเพศชายในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีจำนวน 109 คน อายุระหว่าง 30-55 ปี โดยให้รับประทานสารสกัดรากปลาไหลเผือกขนาดวันละ 300 มก.นาน 12 สัปดาห์ จากการประเมินแบบสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพของอาสาสมัครพบว่า มีสมรรถภาพทางกายและทางเพศดีขึ้น และผลจากการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิของอาสาสมัครพบว่า มีปริมาณน้ำอสุจิและจำนวนสเปิร์มเพิ่มขึ้น สเปิร์มมีการเคลื่อนไหวหรือแข็งแรงมากขึ้น
ที่นี้้เรามาดูวิธีกินกัน
ปลาไหลเผือกขนาดรับประทานไม่เกินวันละ 200-400 มก. ในรูปแบบยาเม็ดจากสารสกัดน้ำ นานติดต่อกันไม่เกิน 12 สัปดาห์,
.
ต้มกับน้ำร้อน
เอาปลายไหลเผือก 7-8 แว่น ต้มกับน้ำวัก 1-1.5 ลิตร เดือดสัก 5-ไม่เกิน 10นาที
กินอุ่นๆก็ได้แล้วสักแก้ว 1
ควรดื่มก่อนเข้ามุ้งสัก 1 ชม..(คือรอให้ยามันออกฤิทธื์)
หรือ ดื่ม ก่อน อาหารสัก 1 ชม.เช้าเย็น
ดิ่ม 2 วัน หยุดดื่ม 2 วัน ทำแบบนี้ตลอด เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลา ขับสารต่างๆออกมา
แล้วดื่ม 1 เเดือน หยุด 1 เดือน นั่ละดี
.
สรุปคือ 2 เดือน เราดื่มจริงๆแค่ 15 วัน แล้วจึงกลับมาดื่มใหม่
.
หรือดื่มๆ หยุดๆ นั่นละ ต้องให้ตับ ปอด ได้พักบ้าง เอาแต่พอดีนะ
........................................
แบบที่สอง
ดองกับสไปร์ท
โดยใช้ขนาด 1-1.5 ลิตร นั่นละ
เอาชิ้นปลาไหลเผือกสัก 7-8 ชิ้น ใส่ลงไป ในขวด
ปิดฝา ดองไว้สัก ครึ่งเดือน แล้วเอามากิ่น กเป็นทางเลือก สำหรับ การลดความขมของมัน
.............................................
ห้ามดองเกล้า จะเป็นพิษ
ชงแบบชา สารจะออกมาน้อย แต่ทำได้
............................................
สมุนไพร ใช้อย่างถูกวิธี ใช้แต่พอดี นั่นละ วิถีไทยๆ
.ปลาไหลเผือก…RETURN!
การศึกษาวิจัยสมัยใหม่
สารที่มีรสขมในรากปลาไหลเผือกคือ Eurycomalactone, Eurycomanol และ Eurycomanone ทั้งสามชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาเลเรียฟาลซิปาลัม (Plasmodium falciparum) ในหลอดทดลอง
จากการใช้ของหมอยาพื้นบ้านที่ใช้รากปลาไหลเผือกต้มกินแก้มาลาเรีย และในการศึกษาทดลองหลายการศึกษาพบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลอง ซึ่งสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากปลาไหลเผือกของคนพื้นเมือง ซึ่งต้องมีการหาขนาดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่จะใช้ในคนต่อไป
สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านเชื้อ HIV
ในการตรวจสอบเบื้องต้น(Screening Test) สำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า สารสกัดปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอด (Human lung cancer (A-549) cell lines) เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านม (human breast cancer (MCF-7) cell lines) นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV อีกด้วย
สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)
มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชายซึ่งนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัด โดยมีสรรพคุณในการเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของนักกีฬา
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในปลาไหลเผือกคือสารที่มีรสขมกลุ่ม quassinoids ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่พอดีก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ ซึ่งข้อควรระวังและอาการข้างเคียงจากการรับประทานปลาไหลเผือกมีดังนี้
1. ไม่ควรใช้ในปริมาณสูงมากเกินไป และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (ไม่ควรเกิน 400 มก./วัน และติดต่อกันไม่เกิน 3 เดือน) เพราะอาจส่งผลเสียต่อตับได้
2. ระมัดระวังการใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
3. ระมัดระวังการใช้ร่วมกับยาสลายลิ่มเลือดหรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดเช่น แอสไพริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
4. ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาความดันโลหิตสูง propanolol ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีรายงานการวิจัยระบุว่า สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีผลยับยั้งการดูดซึมของยาดังกล่าว
5. หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และเด็กเล็กไม่ควรรับประทาน เนื่องจากยังไม่มีรายงานความปลอดภัย
6. มีผู้ใช้บางรายระบุว่า หลังจากรับประทานทำให้นอนไม่หลับ
สู้ได้สุดใจ ชนิดที่เมียต้องร้องขอชีวิตกันเลย แต่..มันขมสุดๆ
1 ขีด 150 บาทรวมส่ง
ครึ่งโล 300 รวมส่ง
1 กิโล 500 รวมส่ง
โอนเงินก่อน ถ้าเก็บปลายทาง เพิ่ม 80 บาท ทุกรายการ
มีการศึกษาผลของการรับประทานสารสกัดรากปลาไหลเผือกต่อสมรรถภาพทางเพศชายในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีจำนวน 109 คน อายุระหว่าง 30-55 ปี โดยให้รับประทานสารสกัดรากปลาไหลเผือกขนาดวันละ 300 มก.นาน 12 สัปดาห์ จากการประเมินแบบสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพของอาสาสมัครพบว่า มีสมรรถภาพทางกายและทางเพศดีขึ้น และผลจากการตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิของอาสาสมัครพบว่า มีปริมาณน้ำอสุจิและจำนวนสเปิร์มเพิ่มขึ้น สเปิร์มมีการเคลื่อนไหวหรือแข็งแรงมากขึ้น
ที่นี้้เรามาดูวิธีกินกัน
ปลาไหลเผือกขนาดรับประทานไม่เกินวันละ 200-400 มก. ในรูปแบบยาเม็ดจากสารสกัดน้ำ นานติดต่อกันไม่เกิน 12 สัปดาห์,
.
ต้มกับน้ำร้อน
เอาปลายไหลเผือก 7-8 แว่น ต้มกับน้ำวัก 1-1.5 ลิตร เดือดสัก 5-ไม่เกิน 10นาที
กินอุ่นๆก็ได้แล้วสักแก้ว 1
ควรดื่มก่อนเข้ามุ้งสัก 1 ชม..(คือรอให้ยามันออกฤิทธื์)
หรือ ดื่ม ก่อน อาหารสัก 1 ชม.เช้าเย็น
ดิ่ม 2 วัน หยุดดื่ม 2 วัน ทำแบบนี้ตลอด เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลา ขับสารต่างๆออกมา
แล้วดื่ม 1 เเดือน หยุด 1 เดือน นั่ละดี
.
สรุปคือ 2 เดือน เราดื่มจริงๆแค่ 15 วัน แล้วจึงกลับมาดื่มใหม่
.
หรือดื่มๆ หยุดๆ นั่นละ ต้องให้ตับ ปอด ได้พักบ้าง เอาแต่พอดีนะ
........................................
แบบที่สอง
ดองกับสไปร์ท
โดยใช้ขนาด 1-1.5 ลิตร นั่นละ
เอาชิ้นปลาไหลเผือกสัก 7-8 ชิ้น ใส่ลงไป ในขวด
ปิดฝา ดองไว้สัก ครึ่งเดือน แล้วเอามากิ่น กเป็นทางเลือก สำหรับ การลดความขมของมัน
.............................................
ห้ามดองเกล้า จะเป็นพิษ
ชงแบบชา สารจะออกมาน้อย แต่ทำได้
............................................
สมุนไพร ใช้อย่างถูกวิธี ใช้แต่พอดี นั่นละ วิถีไทยๆ
.ปลาไหลเผือก…RETURN!
การศึกษาวิจัยสมัยใหม่
- สารสกัดรากปลาไหลเผือกทำให้เกิดการตื่นตัวทางเพศ ทำให้มีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้นานขึ้น
- จากความเชื่อของคนพื้นเมืองในประเทศที่มีสมุนไพรปลาไหลเผือกอยู่ เชื่อว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณในการเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งมีการศึกษาทั้งในหนูสูงอายุ หนูอายุปานกลาง หนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่า กลุ่มที่ได้รับสารสกัดรากปลาไหลเผือกถูกปลุกเร้าทางเพศและมีความคงทนในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีกว่าหนูกลุ่มควบคุม ซึ่งการศึกษาดังกล่าวสนับสนุนการใช้ประโยชน์ของคนพื้นเมืองเหล่านั้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาในคนถึงประสิทธิผลของสมุนไพรชนิดนี้
สารที่มีรสขมในรากปลาไหลเผือกคือ Eurycomalactone, Eurycomanol และ Eurycomanone ทั้งสามชนิดมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาเลเรียฟาลซิปาลัม (Plasmodium falciparum) ในหลอดทดลอง
จากการใช้ของหมอยาพื้นบ้านที่ใช้รากปลาไหลเผือกต้มกินแก้มาลาเรีย และในการศึกษาทดลองหลายการศึกษาพบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อมาลาเรียในหลอดทดลอง ซึ่งสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากปลาไหลเผือกของคนพื้นเมือง ซึ่งต้องมีการหาขนาดที่เหมาะสมและปลอดภัยที่จะใช้ในคนต่อไป
สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านเชื้อ HIV
ในการตรวจสอบเบื้องต้น(Screening Test) สำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า สารสกัดปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอด (Human lung cancer (A-549) cell lines) เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านม (human breast cancer (MCF-7) cell lines) นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV อีกด้วย
สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone)
มีการศึกษาวิจัยพบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชายซึ่งนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัด โดยมีสรรพคุณในการเพิ่มกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของนักกีฬา
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในปลาไหลเผือกคือสารที่มีรสขมกลุ่ม quassinoids ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่พอดีก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ ซึ่งข้อควรระวังและอาการข้างเคียงจากการรับประทานปลาไหลเผือกมีดังนี้
1. ไม่ควรใช้ในปริมาณสูงมากเกินไป และใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (ไม่ควรเกิน 400 มก./วัน และติดต่อกันไม่เกิน 3 เดือน) เพราะอาจส่งผลเสียต่อตับได้
2. ระมัดระวังการใช้ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
3. ระมัดระวังการใช้ร่วมกับยาสลายลิ่มเลือดหรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดเช่น แอสไพริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาจนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
4. ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาความดันโลหิตสูง propanolol ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีรายงานการวิจัยระบุว่า สารสกัดรากปลาไหลเผือกมีผลยับยั้งการดูดซึมของยาดังกล่าว
5. หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และเด็กเล็กไม่ควรรับประทาน เนื่องจากยังไม่มีรายงานความปลอดภัย
6. มีผู้ใช้บางรายระบุว่า หลังจากรับประทานทำให้นอนไม่หลับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น